DoctorBee

Latest From Blog

Keep update our latest posts.

HEALTH CHECK UP หน่วยบริการตรวจสุขภาพ ตาม พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพ

<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
 </div>
</div>
<div>
สวัสดีครับหน่วยบริการตรวจสุขภาพ วันนี้หมอบีจะแนะนำ พระราชบัญญัติ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ครับ ซึ่งต่อไปหมอบีขอเรียกสั้นๆว่า พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพ ละกันนะครับ 
 
หลายท่านคงมีข้อสงสัยว่า ทำไมจึงต้องมี พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพนี้? และเมื่อ พรบ.ฉบับนี้ออกมาแล้วจะมีผลกระทบต่อหน่วยบริการตรวจสุขภาพของท่านอย่างไรบ้าง?</div>
<div>
 </div>
<div>
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขออนุญาตเริ่มกันเลยครับว่า </div>
<div>
 </div>
<div>
หน่วยบริการตรวจสุขภาพจะดำเนินการตาม พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพได้อย่างไร?</div>
<div>
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXoMa_E1BypzmMuWpV0mf9oMmAER8TW8R-QTpsysvNLVgUwxRoYOsPwAVR5QJAUosxxq7rgOvduWw7lFJXA_owoi1tO9MNZfWy_pZDZ27fGx4PWbeVGH0GDXolzPZf8GPtoK4clY7y0WU/s1600/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259A3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="952" data-original-width="1352" height="450" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXoMa_E1BypzmMuWpV0mf9oMmAER8TW8R-QTpsysvNLVgUwxRoYOsPwAVR5QJAUosxxq7rgOvduWw7lFJXA_owoi1tO9MNZfWy_pZDZ27fGx4PWbeVGH0GDXolzPZf8GPtoK4clY7y0WU/s640/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259A3.jpg" width="640" /></a></div>
 </div>
<div>
1.การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการอาชีวเวชกรรม การให้บริการตรวจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ตรวจก่อนเข้างาน ตรวจตามปัจจัยเสี่ยง ตรวจประเมินความสมบูรณ์พร้อมในการทำงาน ใน พรบ.ฉบับนี้ กำหนดให้ "นายจ้างต้องเลือกตรวจสุขภาพจากหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้นครับ" ซึ่งจะแตกต่างจากที่ผ่านมา คือ หากไม่ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมให้ถูกต้องจะไม่สามารถให้บริการได้ครับ เมื่อถึงเวลาไปนำเสนองานจะช่วยลดคู่แข่งที่ให้บริการด้อยคุณภาพจนไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ครับ ทั้งนี้หากใครให้บริการโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท เชียวนะครับ</div>
<div>
 </div>
<div>
2.การให้บริการอาชีวเวชกรรม หลังขึ้นทะเบียนแล้วจะต้องแน่ใจว่าให้บริการได้ตามมาตรฐานวิชาชีพและมาตรฐานในงานอาชีวเวชกรรม หากให้บริการด้อยมาตรฐานจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทครับ </div>
<div>
 </div>
<div>
หมอบีแนะนำให้หน่วยบริการตรวจสุขภาพ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ติดตามความคืบหน้าของกฎหมายลูกอย่างใกล้ชิด และปรึกษาแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ (เฉพาะแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติจากแพทยสภาครับ ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ได้ที่เวปของแพทยสภา) เพื่อพัฒนาบริการอาชีวเวชกรรมให้มีคุณภาพตามที่กฎหมายกำหนดจะได้ทำงานออกตรวจสุขภาพได้อย่างสบายใจครับ </div>
<div>
 </div>
<div>
ในเบื้องต้นการให้บริการน่าจะเน้น </div>
<div>
2.1รายการตรวจสุขภาพ ควรออกแบบโดยแพทย์อาชีวเวชศาสตร์</div>
<div>
2.2การตรวจพิเศษทางอาชีวอนามัย เช่น สมรรถภาพการมองเห็น สมรรถภาพการได้ยิน และสมรรถภาพปอด ควรได้มาตรฐานวิชาชีพ โดยควบคุมทั้ง บุคลากร เทคนิคการตรวจ และอุปกรณ์เครื่องมือ ให้ได้มาตรฐานครับ</div>
<div>
2.3การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น สารเคมีในสิ่งคัดหลั่ง เม็ดเลือด การทำงานของตับและไต ควรได้มาตรฐานทางห้องปฏิบัติการขั้นต่ำที่เรียกว่า Lab Accreditation (LA) หรือมาตรฐานที่สูงกว่า เช่น ISO สำหรับทุกรายการที่ออกให้บริการตรวจ</div>
<div>
2.4การตรวจร่างกายโดยแพทย์ นอกจากให้คำแนะนำในการรักษาผลที่ผิดปกติแล้ว ต้องพิจารณาว่า</div>
<div>
 
<ul>
<li>2.4.1อาจผิดปกติโดยมีสาเหตุจากการทำงานหรือไม่ จะดำเนินการวินิจฉัยโรคต่ออย่างไร</li>
<li>2.4.2ความผิดปกติจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ แก้ไขได้อย่างไร</li>
<li>2.4.3การทำงานจะทำให้ความผิดปกติที่พบแย่ลงได้อีกหรือไม่ ควบคุมป้องกันได้อย่างไร</li>
</ul>
</div>
<div>
 </div>
<div>
3.ผลตรวจสุขภาพผิดปกติที่อาจเกิดจากการประกอบอาชีพ เมื่อพบลูกจ้างมีความผิดปกติที่อาจเกิดจากการประกอบอาชีพ (มีเหตุอันควรสงสัย เช่น ลักษณะผลผิดปกติเฉพาะ) เมื่อก่อนหน่วยบริการตรวจสุขภาพต้องแจ้งนายจ้าง ให้นายจ้างแจ้งลูกจ้างภายใน 3 วัน แต่ตาม พรบ.ฉบับนี้หน่วยบริการสุขภาพต้องแจ้งเจ้าพนักงานด้วย "หากหน่วยบริการตรวจสุขภาพไม่รายงานให้ถูกต้องจะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท" จะเห็นว่า "หน่วยบริการตรวจสุขภาพต้องศึกษาเกี่ยวกับความผิดปกติที่ต้องรายงานเจ้าพนักงานให้ดี เช่นเดียวกับนายจ้าง" จะออกหน่วยตรวจสุขภาพตรวจเสร็จคืนผลให้กับลูกจ้าง แล้วรอส่งสรุปให้นายจ้างเป็นอันจบเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ ถ้าเจอผลผิดปกติแล้วไม่รายงานเจ้าพนักงานอาจต้องเสียค่าปรับครับ </div>
<div>
 </div>
<div>
4.การรายงานผลตรวจสุขภาพให้เจ้าพนักงาน เรื่องนี้ถูกระบุไว้ในมาตรา 29 หมอบีคาดว่าจะระบุรายละเอียดการรายงานเพิ่มเติมให้ "แม้ไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการประกอบอาชีพก็ต้องรายงาน และรายงานข้อมูลดิบทั้งหมดในรูปแบบอิเลคโทรนิคไฟล์" ทั้งนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวครับ</div>
<div>
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEishExbsKHmkS9c6YFTyt3HBZgCQAo5ZYS3AhAcqzAzYVUpzpsvmeknTeF5T93tr2Iw3k65H5at07Q9NWFyKfg9o1QzvId8TOS1buFCl_uQqp-RnOQK4E31EPG-USE1XsH-qcvZenZZP_c/s1600/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259A9.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1600" data-original-width="1473" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEishExbsKHmkS9c6YFTyt3HBZgCQAo5ZYS3AhAcqzAzYVUpzpsvmeknTeF5T93tr2Iw3k65H5at07Q9NWFyKfg9o1QzvId8TOS1buFCl_uQqp-RnOQK4E31EPG-USE1XsH-qcvZenZZP_c/s640/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259A9.png" width="588" /></a></div>
 </div>
<div>
ข้อเสนอแนะจากความเห็นส่วนตัวของหมอบี คือ "หน่วยบริการตรวจสุขภาพควรเตรียมตัวขึ้นทะเบียนหน่วยบริการอาชีวเวชกรรม พัฒนาการให้บริการให้ได้มาตรฐาน และหาแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ช่วยพิจารณาว่าเป็นความผิดปกติที่อาจเกิดจากการประกอบอาชีพที่ต้องรายงานหรือไม่ และรายงานผลให้พนักงานเจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วนถูกต้องครับ"</div>
<div>
 </div>
<div>
สำหรับผลกระทบเบื้องต้นของ พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพฉบับนี้ ที่มีต่อหน่วยบริการตรวจสุขภาพ หมอบีขอให้ข้อสังเกตว่า นอกจาก พรบ.จะช่วยให้ลูกจ้างได้รับบริการตรวจสุขภาพที่ได้มาตรฐานแล้ว ยังช่วยให้ได้ความร่วมมือในการรายงานผลตรวจสุขภาพ และความผิดปกติที่พบ จากหน่วยบริการตรวจสุขภาพ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพ การควบคุม และป้องกันโรค สำหรับลูกจ้าง ซึ่งเป็นอีกเหตุผลส่วนหนึ่งครับว่าทำไมต้องมี พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพฉบับนี้ครับ</div>

HEALTH CHECK UP หน่วยบริการตรวจสุขภาพ ตาม พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพ

สวัสดีครับ หน่วยบริการตรวจสุขภาพ วันนี้ หมอบี จะแนะนำ พระราชบัญญัติ ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒ ครับ ซึ่...

ABNORMAL การเตรียมรับมือผลตรวจสุขภาพผิดปกติ

<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">สวัสดีครับวันนี้ หมอบี<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> จะมาแนะนำ ผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจตามปัจจัยเสี่ยงจากการทำงาน<span style="background-color: transparent; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bold; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"> <span style="background-color: transparent; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bold; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทํางาน<span style="background-color: transparent; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bold; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"> <span style="background-color: transparent; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bold; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">การตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความพร้อมในการทำงาน<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"> รวมทั้งการตรวจสุขภาพทั่วไป เกี่ยวกับ ผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ครับ</div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> </div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">เชื่อว่าทุกท่านคงเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพมาแล้วไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับการตรวจเอง<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">การที่มีบุคคลใกล้ชิดเข้ารับการตรวจ <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">และหากเป็น บุคลากรทางการแพทย์<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ก็อาจมีประสบการณ์ในฐานะ ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพในงานอาชีวอนามัย<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> บทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับทุกท่านให้สามารถนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมตามแต่ละสถานการณ์ครับ</div>
 
การตรวจสุขภาพนั้นมีโอกาสที่จะพบ ผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ บ่อยครั้งที่เข้ารับการตรวจพบผลที่ผิดปกติก็จะเกิดความกังวลใจ บุคคลใกล้ชิดของผู้เข้ารับการตรวจก็มีความกังวลใจเช่นเดียวกัน หรือแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการ ก็อาจไม่แน่ใจว่า จะดำเนินการเช่นไรจึงจะครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กฎหมายและเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการทางการแพทย์
 
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
 
ทั้งนี้หากมีความสงสัยว่ารายการตรวจสุขภาพที่ผู้ให้บริการจัดให้มีความเหมาะสมหรือไม่ แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_2.html" style="color: blue; font-weight: bold;">ตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงให้ได้ประโยชน์</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_16.html" style="color: blue; font-weight: bold;">การออกแบบรายการตรวจสุขภาพ</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/biomarker.html" style="color: blue; font-weight: bold;">การเลือกตรวจสารเคมีในร่างกาย</a> 
 </div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt; text-align: center;">
<div style="text-align: left;">
เมื่อพบผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติแล้วมีสิ่งใดที่เราควรคำนึงถึงบ้าง?</div>
</div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXDvSlkChQcKwkFrLirGd6JQRMwsHeEuywWHX3u2D54t3cPpssNaoiVXlPrbjl9TyCS5yH8o6GxxxrF_xP_s1X7gomEJZQFpJ1UWVw3GNwOtNhMZ4DNjOi04aAoR8owCPXMfGggL96TF4/s1600/4+steps.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="815" data-original-width="1082" height="482" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXDvSlkChQcKwkFrLirGd6JQRMwsHeEuywWHX3u2D54t3cPpssNaoiVXlPrbjl9TyCS5yH8o6GxxxrF_xP_s1X7gomEJZQFpJ1UWVw3GNwOtNhMZ4DNjOi04aAoR8owCPXMfGggL96TF4/s640/4+steps.png" width="640" /></a></div>
 </div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">1. อย่างแรกที่ควรนึกถึงคือความผิดปกติดังกล่าวมีความจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษา<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">หรือไม่ ดังนั้นเมื่อพบความผิดปกติจึงควรปรึกษาแพทย์ทันที<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ว่าความผิดปกติดังกล่าวจำเป็นต้องรับการรักษาและเฝ้าระวังติดตามอาการอย่างไร 
 
 
<div style="text-align: center;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">และควรปรึกษานายจ้าง<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ว่า รายการตรวจดังกล่าวเป็นรายการตรวจตามปัจจัยเสี่ยงใช่หรือไม่<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> </div>
<div style="text-align: center;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> </div>
ในกรณีที่รายการตรวจนั้นเป็นรายการตรวจตามปัจจัยเสี่ยงหากแพทย์แนะนำว่ามีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา ผู้เข้ารับการตรวจที่มีสถานะเป็นลูกจ้างสามารถร้องขอให้นายจ้างส่งเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมได้ เนื่องจาก กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงานพ.ศ 2547 ข้อ 9 ระบุว่าในกรณีที่พบความผิดปกติของลูกจ้าง ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้รับการรักษาพยาบาลทันที และค้นหาสาเหตุของความผิดปกตินั้นว่าเกิดจากการทำงานหรือไม่เพื่อดำเนินการป้องกัน 
 </div>
 
 
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">2. นอกจากความจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาแล้ว ผู้เข้ารับการตรวจและบุคคลใกล้ชิด ควรตระหนักว่า ความผิดปกติที่พบจากการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงอาจเกิดจากสาเหตุในการทำงาน <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ได้<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">ควรปรึกษาแพทย์ผู้ตรวจขอความเห็นเบื้องต้นว่าผลตรวจสุขภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากการทำงานได้หรือไม่<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">เพื่อจะได้แจ้งให้กับนายจ้างดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุและดำเนินการป้องกัน<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ต่อไป 
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> 
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดอยู่ในกฎหมายข้อเดียวกันกับข้างต้น เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินพบความผิดปกติตามที่กฎหมายกำหนด นายจ้างจะต้องส่งตรวจซ้ำ เพื่อยืนยันความผิดปกติภายใน 30 วัน และสอบสวนว่าเกิดจากการทำงานหรือไม่ แนะนำให้อ่านเกี่ยวกับการสูญเสียการได้ยินจากการทำงานสัมผัสเสียงดังได้ที่ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/08/nihl.html">หูพังจากเสียงดัง</a> ครับ 
 </div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
นายจ้างสามารถดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของผลสุขภาพที่ผิดปกติได้<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">โดยปรึกษาคลินิกโรคจากการทำงานประจำจังหวัด <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">หรือในพื้นที่ หรือปรึกษาแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ทั้งนี้สามารถค้นหาคลินิกโรคจากการทำงานในพื้นที่ของท่านได้ที่ <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main/service/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99_detail_detail_1_126_0/243_243">รายชื่อคลินิกโรคจากการทำงาน</a></div>
 
บ่อยครั้งที่นายจ้างละเลยในการดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุดังกล่าว หรือ ไม่ส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษา อาจทำให้ลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานนำไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง เช่น <a href="https://www.labour.go.th/th/index.php?option=com_wrapper&view=wrapper&Itemid=155">สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน</a> <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main">กองทุนเงินทดแทน</a> ศูนย์ดำรงธรรม หรือ ศาลแรงงาน ในพื้นที่ครับ 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgJCXwlkO85eTJPC8ju2FORroYN0TEAjlOKaZ_SpU2DnaNSfKHn2XFbcL260dGPJNmWVComdPTgGPEe95DikK0qyRGuDHAOWO_MJCZQp1FkOZ6W2xTX6E89MDTJuSeMnDMt1ViqB4BvkQ/s1600/Labour.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="327" data-original-width="971" height="214" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgJCXwlkO85eTJPC8ju2FORroYN0TEAjlOKaZ_SpU2DnaNSfKHn2XFbcL260dGPJNmWVComdPTgGPEe95DikK0qyRGuDHAOWO_MJCZQp1FkOZ6W2xTX6E89MDTJuSeMnDMt1ViqB4BvkQ/s640/Labour.png" width="640" /></a></div>
 
นอกจากนี้เมื่อนายจ้างพบว่าผลตรวจที่ผิดปกติดังกล่าวเกิดจากการทำงานกับสารเคมีอันตราย นายจ้างยังมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะตรวจวัดสารเคมีในสภาพแวดล้อมการทำงาน และทำการวิเคราะห์ความเข้มข้น ภายใน 30 วัน และพิจารณามาตรการป้องกันเพิ่มเติมตาม ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีตรวจวัด และการวิเคราะห์ผลการตรวจตรวจวัดระดับความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2559 ด้วยครับ 
 
ในทางปฏิบัติเมื่อพบความผิดปกติจากการตรวจตามปัจจัยเสี่ยง หมอบีแนะนำให้ปรึกษาแพทย์พิจารณาตรวจยืนยันซ้ำว่าความผิดปกติดังกล่าวเป็นของจริง เนื่องจากความผิดปกติหลายอย่างที่พบจากการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงที่เป็นเพียงการตรวจคัดกรองอาจเป็นแบบชั่วคราว ไม่มีความสำคัญทางคลินิก และอาจหายไปได้เองเมื่อทำการตรวจวินิจฉัยยืนยัน เช่น การตรวจสมรรถภาพการได้ยินในมาตรการอนุรักษ์การได้ยิน การตรวจยืนยันความผิดปกติดังกล่าวสามารถใช้สิทธิประกันสังคมในการตรวจได้ หลังจากยืนยันความผิดปกติแล้วค่อยพิจารณาว่า เกิดจากการทำงานหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปสาเหตุของความผิดปกติแล้วจึงพิจารณา ส่งรับการรักษาตามสิทธิอย่างเหมาะสม โดย หากเกิดจากการทำงานสามารถใช้สิทธิกองทุนเงินทดแทนได้ พร้อมกันนั้นให้แจ้ง นายจ้างดำเนินการป้องกันสาเหตุ ปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะสม สรุปผลการดำเนินการและรายงาน ให้สวัสดิการและคุ้มครอ 
งแรงงานผ่านรายงาน จผส.1 ในแต่ละครั้งที่ทำการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZyT-ZvS2hNfSpvEUjXngT18-F5rL7ggyI96l1YWrw6sra205OfljI5EVvH7cpaB_2fDT2jP91ymWP7K63HY6PpNXcQPTYjGZIoRluDetNtgDamk1MzO5bomp-zni94T123FmXt1td55c/s1600/SSO.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="500" data-original-width="863" height="370" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZyT-ZvS2hNfSpvEUjXngT18-F5rL7ggyI96l1YWrw6sra205OfljI5EVvH7cpaB_2fDT2jP91ymWP7K63HY6PpNXcQPTYjGZIoRluDetNtgDamk1MzO5bomp-zni94T123FmXt1td55c/s640/SSO.png" width="640" /></a></div>
 
แนะนำให้ศึกษาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตรายได้ที่ <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main/service/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1_detail_detail_1_125_690/13_13">ประกันสังคม</a> และควรศึกษา สิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทนเพิ่มเติม เกี่ยวกับ 1.การรักษาพยาบาล 2.ค่าทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้ สูญเสียสมรรถภาพ สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต 3.การส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาล 4.วิธีการแจ้งเหตุประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ได้ที่ <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main/privilege/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99_category_list-text-photo_1_126_0">กองทุนเงินทดแทน</a> ครับ 
 
3. นอกจากนี้ผู้เข้ารับการตรวจและบุคคลใกล้ชิด อาจตั้งข้อสงสัยว่าลักษณะการทำงานที่นายจ้างมอบหมายให้แม้จะไม่ได้เป็นสาเหตุในการเกิดโรคดังกล่าวแต่อาจมีผลทำให้ผลสุขภาพที่ผิดปกตินั้นแย่ลงได้หากทำงานที่มีความเสี่ยงบางอย่าง เช่น พนักงานที่มีผลตรวจสุขภาพการทำงานของตับผิดปกติหากไปทำงานกับสารเคมีอันตรายย่อมมีโอกาสที่จะทำให้ตับซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้ขจัดทำลายสารพิษทำงานหนักจนเสื่อมสภาพเป็นโรคตับที่รุนแรงได้ง่ายขึ้นแม้จะได้รับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางอย่างถูกต้องจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับใบรับรองแพทย์ไปมอบให้นายจ้างเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนงาน 
 
แนะนำให้อ่าน <a href="http://www.doctor-bee.net/2018/07/2.html">การทำงานของตับ</a> เพิ่มเติมครับ 
 
4. อีกเรื่องหนึ่งที่ควรนึกถึงคือผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกตินั้นอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์แนะนำใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่าผลตรวจสุขภาพนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานบางอย่างที่นายจ้างได้มอบหมายแล้วนำใบรับรองแพทย์นั้นไปมอบให้นายจ้างเพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะสมต่อไปเช่นกัน  ทั้งนี้การประเมินว่าเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่เป็นบทบาทที่กฎหมายฉบับเดียวกันกับข้างต้น กำหนดไว้ในข้อ 5 ให้แพทย์ที่ออกตรวจสุขภาพให้ความเห็นดังกล่าว โดยเฉพาะงานที่มีความเสี่ยงสูงทั้งต่อตัวพนักงานเองและบุคคลรอบข้างควรพิจารณาข้อนี้เป็นพิเศษครับ เช่น งานในที่อับอากาศ งานบนที่สูง งานขับรถขนส่งสารเคมีอันตราย งานขับรถโดยสารสาธารณะ งานบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน งานบนเรือเดินทะเล หรือแม้แต่ งานที่ทำกับอาหารหรือส่วนประกอบอาหาร 
 
แนะนำให้อ่าน <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/fitness.html">Fitness ของพนักงานขับรถ</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2017/11/working-at-height.html">ตรวจสุขภาพอย่างไรปลอดภัยบนที่สูง</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_3.html">การตรวจสุขภาพคนเดินเรือ</a> เพิ่มเติมครับ 
 
นอกจากนี้ แม้ว่าการตั้งครรภ์จะไม่ใช่ผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ แต่ก็เป็น ภาวะสุขภาพที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานบางอย่าง และ การทำงานบางอย่างอาจทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดอย่างผิดปกติได้ ไม่ว่าจะเป็นกา่รคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักทารกแรกเกิดน้อย หรือทารกพิการโดยกำเนิด หญิงตั้งครรภ์สามารถขอให้แพทย์ออกใบรับรองแนะนำให้ปรับเปลี่ยนงานหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆได้เช่นกันครับ แนะนำให้อ่าน <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_93.html">การดูแลพนักงานหญิงที่ตั้งครรภ์</a> เพิ่มเติมครับ 
 
เมื่อนายจ้างได้รับใบรับรองแพทย์ที่ระบุอุปสรรคในการทำงาน หรือความเสี่ยงที่การทำงานอาจทำให้สุขภาพของลูกจ้างแย่ลงจากลูกจ้าง เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่นายจ้างต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของลูกจ้างแต่ละราย โดยนายจ้างอาจจัดทีมสหสาขาวิชาชีพอันประกอบไปด้วย นายจ้าง ฝ่ายบุคคล หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และ แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ตลอดจนสหภาพแรงงานร่วมกันกับลูกจ้าง ช่วยกันพิจารณาหางานที่เหมาะสมต่อไป 
 
ในบางกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานใดๆได้เลย ควรพิจารณาศึกษา <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main/service/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1_detail_detail_1_125_696/236_236">สิทธิประโยชน์ประกันสังคมกรณีว่างงาน</a> และ <a href="https://www.sso.go.th/wpr/main/service/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99_detail_detail_1_126_0/38_38">สิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้</a> เพิ่มเติมครับ

จะเห็นว่าทั้ง 4 ประเด็นข้างต้นเป็นประเด็นสำหรับการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงจากการทำงานตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดให้ตรวจเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากเป็น รายการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานและการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความพร้อมในการทำงาน อาจพิจารณาประเด็นหลักคือ ความผิดปกติอาจเป็นอุปสรรคในการทำงานหรือไม่ และอาจต้องเข้ารับการรักษาเพื่อแก้ไขความผิดปกติอย่างไรให้ทำงานได้ และประเด็นที่ผลตรวจสุขภาพผิดปกติอาจแย่ลงได้หากทำงานที่มีความเสี่ยงบางอย่าง 
 
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">สำหรับรายการตรวจสุขภาพทั่วไป<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">จัดเป็นสวัสดิการเพิ่มเติมที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง เมื่อพบความผิดปกติไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนโรคหาสาเหตุ และนายจ้างสามารถให้ลูกจ้างไปรับการรักษาได้เองตามสิทธิ์การรักษาที่มีอยู่<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> ซึ่งแตกต่างจากรายการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงที่กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างได้รับการรักษาทันที<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;"> ดังนั้นการพิจารณาว่ารายการตรวจสุขภาพดังกล่าวเป็นรายการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงหรือรายการตรวจสุขภาพทั่วไปนั้นจึงมีความสำคัญที่ต้องแยกจากกันให้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ 
 
 
<div style="text-align: center;">
ลูกจ้างสามารถขอให้แพทย์ออกใบรับรองแพทย์เพื่อขอปรับเปลี่ยนงานจากผลตรวจรายการตรวจสุขภาพทั่วไปที่ผิดปกติได้เช่นกัน</div>
</div>
 
 
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">รายการตรวจสุขภาพบางรายการอาจเป็นรายการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงสำหรับพนักงานบางคน<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">และเป็นรายการตรวจสุขภาพทั่วไปสำหรับพนักงานอีกกลุ่มหนึ่ง<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">ได้ เช่น <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">จะเป็น<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">รายการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงของผู้ที่ทำงานสัมผัสสารเคมีบางอย่าง เช่น เบนซีนตะกั่ว ปรอท สารกัมมันตภาพรังสี และยาปราบศัตรูพืช ที่ต้องตรวจเป็นประจำทุกปี <span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">แต่จะถูกจัดให้เป็นรายการตรวจสุขภาพทั่วไปสำหรับผู้ที่ทำงานที่ไม่ได้มีการสัมผัสสารเคมี ที่อาจเป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดและไขกระดูก ที่อาจตรวจเพียงครั้งเดียวตลอดระยะเวลาที่เข้าทำงาน ลูกจ้างจึงควรปรึกษานายจ้างเมื่อพบความผิดปกติว่าเป็นรายการตรวจตามปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ในการรักษาและหาสาเหตุของโรคที่เพิ่มขึ้น 
<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"> 
แนะนำให้อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ <a href="http://www.doctor-bee.net/2018/07/3.html">การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด</a> เพิ่มเติมครับ</div>
 
 
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
ผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ นอกจากผลตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ สมรรถภาพหู ตา ปอด แล้วยังรวมถึง การซักประวัติโดยแพทย์พบอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังในผู้ที่ทำงานยกของหนัก ก้มหลังและบิดเอี้ยวลำตัวบ่อยครั้ง หรือ การตรวจร่างกายโดยแพทย์พบความผิดปกติ เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบในผู้ที่ทำงานสัมผัสสารเคมีที่มีฤทธิ์ระคายเคือง</div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
 
แนะนำให้อ่านเกี่ยวกับการปวดหลังจากการทำงานเพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.doctor-bee.net/2017/10/10-causes-of-back-pain-10.html">10 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_74.html">ปวดหลังจากการทำงาน VS กองทุนเงินทดแทน</a> ครับ 
 </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqePJCo2sQSJY3bw99XKhv-6-5ImUQ75qq4Niof9AhqWC-wlz74tTIwy1_A-tTRGmVzT_TfynzTh5Vv3mkgp7XLvwuEAQ3IwGnbPEP0Ow9Ix0YdVEXtrdZfFM2V7tORe_xI0d1enY6dx4/s1600/Bad-hands-hairdresser.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="480" data-original-width="640" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqePJCo2sQSJY3bw99XKhv-6-5ImUQ75qq4Niof9AhqWC-wlz74tTIwy1_A-tTRGmVzT_TfynzTh5Vv3mkgp7XLvwuEAQ3IwGnbPEP0Ow9Ix0YdVEXtrdZfFM2V7tORe_xI0d1enY6dx4/s320/Bad-hands-hairdresser.jpg" width="320" /></a></div>
 
 
<div style="text-align: center;">
<div style="text-align: center;">
ภาพผื่นผิวหนังอักเสบที่แพทย์อาจตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจร่างกาย จาก www.occderm.asn.au</div>
</div>
 
 
<div style="text-align: left;">
การออกแบบรายการตรวจสุขภาพ ทั้งรายการตรวจตามปัจจัยเสี่ยง รายการตรวจสุขภาพก่อนเข้างาน รายการตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความสมบูรณ์พร้อมในการทำงาน เป็น<a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post.html">บทบาทของแพทย์อาชีวเวชศาสตร์</a>ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติจากแพทยสภา สำหรับรายการตรวจสุขภาพทั่วไป อาจพิจารณาได้จากคู่มือรายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน รายการตรวจสุขภาพที่สำนักงานประกันสังคมจัดให้เป็นสวัสดิการเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกันตน </div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
<div style="text-align: left;">
 
ทำความรู้จักแพทย์อาชีวเวชศาสตร์เพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post.html">แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ </a>ครับ</div>
</div>
<div dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-bottom: 0pt; margin-top: 0pt;">
 
นอกจากออกแบบรายการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงแล้วแพทย์อาชีวเวชศาสตร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และแปลผลการตรวจสุขภาพทั้งรายบุคคลและภาพรวมรายกลุ่มด้วยนะครับ แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_22.html">วิเคราะห์และแปลผลตรวจสุขภาพ</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_21.html">การเลือกโครงการสุขภาพให้เหมาะสมกับพนักงาน</a> 
 
หมอบี<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">หวังว่า ทุกท่านจะ<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">มีความมั่นใจในการเตรียมรับมือผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติ<span style="background-color: transparent; color: black; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre;">จากกรณีต่างๆ และได้รับประโยชน์จากการตรวจสุขภาพอย่างเต็มที่ให้คุ้มกับที่ เสียเงิน เสียเวลา เสียเลือด<span style="background-color: transparent; font-family: "arial"; font-size: 11pt; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: 400; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"> ในแต่ละครั้งที่เข้ารับการตรวจ 
 
สุดท้ายนี้ หมอบี ขอแนะนำประชาสัมพันธ์งานประชุมวิชาการของ สมาพันธ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัยแห่งประเทศไทย การประชุมวิชาการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแห่งประเทศไทย 2019 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14-15 สิงหาคม 2562 ครับ ตอนนี้ที่พักใกล้เต็มแล้ว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.tcoh2019.com/">https://www.tcoh2019.com</a> สำหรับวันนี้สวัสดีครับ</div>

กิจกรรมของหมอบี, ตรวจสุขภาพพนักงาน, โรคจากการทำงาน

ABNORMAL การเตรียมรับมือผลตรวจสุขภาพผิดปกติ

สวัสดีครับวันนี้ หมอบี จะมาแนะนำ ผู้เข้ารับ การตรวจสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจ ตามปัจจัยเสี่ยงจากการทำงาน การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทํางาน การ...

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 3 ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด

สวัสดีครับ หมอบีเชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยตรวจสุขภาพประจำปีและมีการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดร่วมด้วย วันนี้เราจะมาคุยกันว่า ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง แปลผลอย่างไร และเมื่อผลผิดปกติควรดำเนินการเช่นไรต่อครับ 
 
ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count, CBC) เป็นการตรวจนับเม็ดเลือดแต่ละชนิดด้วยเครื่องตรวจของห้องปฏิบัติการ เป็นการตรวจพื้นฐานอย่างหนึ่งทางการแพทย์ สามารถใช้ตรวจหาการติดเชื้อได้ แต่ไม่สามารถระบุชนิดของเชื้อโรคที่พบได้ชัดเจน ในงานอาชีวอนามัยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง 
 
1.ประเมินความสมบูรณ์พร้อมของร่างกาย เช่น กรณีเข้าทำงานในที่อับอากาศ การทำงานบนที่สูง พนักงานขับรถ 
 
อ่านรายละเอียดการทำงานบนที่สูงได้ที่ <a href="http://www.doctor-bee.net/2017/11/working-at-height.html">Working At Height ตรวจสุขภาพอย่างไรทำงานปลอดภัยบนที่สูง</a> 
 
อ่านรายละเอียดการทำงานขับรถได้ที่ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/fitness.html">Fitness ของพนักงานขับรถ</a> 
 
2.ตรวจตามปัจจัยเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังโรคจากการทำงาน โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อระบบเลือด เช่น สารเบนซีนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สารตะกั่วในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ 
 
3.ตรวจเพื่อเป็นสวัสดิการให้พนักงาน แม้ไม่สัมผัสปัจจัยเสี่ยง โดยกรมการแพทย์แนะนำให้ตรวจเพียงครั้งเดียวตลอดอายุงาน แต่สถานประกอบการหลายแห่งนิยมตรวจให้พนักงานทุกคนทุกปี 
<div>
 </div>
<h2 style="text-align: center;">
การใช้ประโยชน์จากผลตรวจสุขภาพที่แตกต่างกัน ย่อมต้องมีเกณฑ์การแปลผลที่แตกต่างกันจริงมั้ยครับ?</h2>
 
ก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความเข้าใจผลตรวจของการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดก่อนครับ โดยเม็ดเลือดแบ่งออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด 
 
1.เม็ดเลือดแดง เป็นตัวนำอากาศ หรือออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย หากเม็ดเลือดแดงน้อย ร่างกายย่อมอ่อนแรง อ่อนเพลีย 
 
2.เม็ดเลือดขาว เป็นภูมิคุ้มกันโรคของร่างกาย หากมีการติดเชื้อ หรือโรคบางอย่าง เช่นมะเร็งเม็ดเลือดจะมีค่าที่สูงขึ้นกว่าปกติ ทั้งนี้เม็ดเลือดขาวยังแบ่งย่อยได้หลายชนิด เช่น Lymphocyte, Monocyte, Basophil, Eosinophil ซึ่งมีความจำเพาะต่อแต่ละโรคที่ต่างกัน 
 
3.เกล็ดเลือด ช่วยให้เลือดหยุดได้เร็ว หากมีค่าน้อยกว่าปกติอาจทำให้เกิดจ้ำเลือดได้ตามร่างกาย และอวัยวะภายใน แม้ไม่ประสบอุบัติเหตุใด อาจน้อยได้จากการติดเชื้อบางอย่าง เช่นไข้เลือดออก 
 
<h2 style="text-align: center;">
จะเห็นว่าแต่ละกลุ่มจะมีความจำเพาะต่อโรคแต่ละโรคที่แตกต่างกัน ไม่ควรสรุปแบบเหมารวมด้วยคำว่า ปกติ หรือผิดปกติ</h2>
 
การประเมินความสมบูรณ์พร้อมในการทำงานต้องพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่นการทำงานในที่อับอากาศต้องมีเม็ดเลือดแดง Hemoglobin, Hb และ Hematocrit, Hct รวมทั้งเกล็ดเลือดตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งค่าที่กำหนดนั้นแตกต่างจากค่ามาตรฐานทางห้องปฏิบัติการ เนื่องจากค่ามาตรฐานทางห้องปฏิบัติการเป็นค่าที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่เป็นโรคจะอยู่ในเกณฑ์ แต่ค่าเกณฑ์กำหนดสำหรับประเมินความสมบูรณ์พร้อมในการทำงานจะคัดคนที่สุขภาพดีจริงเข้าทำงานที่มีความเสี่ยงสูง 
 
การตรวจตามปัจจัยเสี่ยงสัมผัสสารเบนซีนในการทำงาน ตามแนวทางของ <a href="https://www.osha.gov/pls/oshaweb/owadisp.show_document?p_table=STANDARDS&p_id=10045">OSHA 1910.1028 App C</a> แนะนำให้ติดตามพารามิเตอร์จากการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดบางรายการเป็นพิเศษ เช่น 
 
1.เม็ดเลือดขาวรวม White Blood Cell, WBC 4200 - 10200 ในคนที่ไม่สูบบุหรี่และสูงกว่านี้ในกรณีที่สูบบุหรี่ 
2.เม็ดเลือดขาว Monocyte 2.0-8.0% 
3.การลดลงของเม็ดเลือดขาวแต่ละพารามิเตอร์จะมีความสำคัญ จึงต้องเปรียบเทียบผลตรวจกับข้อมูลพื้นฐานทางสุขภาพเดิมของพนักงานแต่ละราย 
4.อื่นๆ ควรศึกษาเพิ่มเติมจาก <a href="https://www.osha.gov/pls/oshaweb/owadisp.show_document?p_table=STANDARDS&p_id=10045">OSHA 1910.1028 App C</a> ตามลิงก์นะครับ 
 
นอกจากนี้ OSHA ยังแนะนำให้ตรวจ Peripheral Blood Smear ควบคู่ไปกับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดด้วยในบางกรณี 
 
Peripheral Blood Smear, PBS เป็นการนำหยดเลือดมาไถลงสไลด์แล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาเซลล์ที่ผิดปกติ ตัวอย่างเซลล์ที่ผิดปกติที่อาจพบได้จากการตรวจ PBS ได้แก่ Pelger-Huet Anomaly 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5-CjCDmGKVHEoWGyp7Q3s4wAH-LOdK2_JvHnHbeFHdZygsNTP9Hi6cC1iiNHnz38Gn2dxqi-tQPn-_BTPIDe036TIN-fDBzfeq311WT1JVN_u1xrGjg_zI7uLQrWw1QrQKcsnOn8cZNA/s1600/pelger.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="720" data-original-width="960" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5-CjCDmGKVHEoWGyp7Q3s4wAH-LOdK2_JvHnHbeFHdZygsNTP9Hi6cC1iiNHnz38Gn2dxqi-tQPn-_BTPIDe036TIN-fDBzfeq311WT1JVN_u1xrGjg_zI7uLQrWw1QrQKcsnOn8cZNA/s640/pelger.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
ภาพเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติ พบได้จากการตรวจ PBS อ้างอิงจาก <a href="https://imagebank.hematology.org/image/17390/pseudo-pelgerhut-anomaly">https://imagebank.hematology.org/image/17390/pseudo-pelgerhut-anomaly</a></div>
 
จะเห็นได้ว่ารายการตรวจ CBC เป็นรายการตรวจที่มีหลายพารามิเตอร์ แสดงผลได้กว้าง ควรเลือกเกณฑ์การแปล วิเคราะห์ผลให้สอดคล้องกับโรคที่ต้องการเฝ้าระวัง กรณีที่ผลตรวจผิดปกติควรให้แพทย์อาชีวเวชศาสตร์ตรวจหาอาการและอาการแสดงของโรคระบบเลือด และพิจารณาตรวจซ้ำ ตรวจเพิ่มเติม และส่งพบแพทย์เฉพาะทาง อายุรแพทย์โรคระบบเลือดเพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อนะครับ 
 
กรณีเฝ้าระวังโรคจากการทำงาน เช่นงานสัมผัสสารเบนซีน ตะกั่ว ให่้ส่งพบแพทย์อาชีวเวชศาสตร์วินิจฉัยว่าความผิดปกติที่พบนั้นเกิดจากการทำงานหรือไม่ด้วยครับ 
 
และเมื่อผลผิดปกติแล้วควรให้แพทย์อาชีวเวชศาสตร์พิจารณาว่าภาวะสุขภาพนั้นส่งผลกระทบต่อการทำงานอย่างไร จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนงานให้เหมาะสมกับสุขภาพอย่างไรด้วยครับ 
 
แนะนำุให้อ่านบทความ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_2.html">ตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยงให้ได้ประโยชน์</a> ครับ

ตรวจสุขภาพพนักงาน, โรคจากการทำงาน

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 3 ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด

สวัสดีครับ หมอบี เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคย ตรวจสุขภาพประจำปี และมี การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ร่วมด้วย วันนี้เราจะมาคุยกันว่า ความสมบูรณ์...

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 2 การทำงานของตับ

สวัสดีครับ จากครั้งก่อนหมอบีแนะนำเกี่ยวกับการตรวจการทำงานของไตจากการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง วันนี้หมอบีจะมาชวนคุยต่อเกี่ยวกับอีกพารามิเตอร์รายการตรวจที่นิยมตรวจประจำปีกันครับ ได้แก่การตรวจการทำงานของตับ (Liver Function Tests, LFTs) หรือการตรวจเอนไซม์ตับ (Enzymes Test) นั่นเอง 
 
กลับไปอ่านรายละเอียด การตรวจการทำงานของไตได้ที่นี่ครับ <a href="http://www.doctor-bee.net/2018/07/1.html">http://www.doctor-bee.net/2018/07/1.html</a> 
 
การตรวจการทำงานของตับนั้น ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องจะเป็นการตรวจเอนไซม์ของตับ ซึ่งหากตับทำงานได้ปกติดีจะผลิตเอนไซม์ดังกล่าวออกมาในระดับที่ปกติ แต่หากมีความผิดปกติของโรคตับจะมีการผลิตเอนไซม์มากกว่าปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของโรคตับที่เป็นครับ ซึ่งหากแบ่งให้ถูกต้องแล้ว 
 
<h2 style="text-align: center;">
LFTs จะประกอบด้วย การตรวจเอนไซม์ของตับ (Enzymes Test) และการตรวจการทำงานของตับ (Test of Liver Function)</h2>
 
การตรวจเอนไซม์ของตับ (Enzymes Test) นิยมนำมาใช้ในการตรวจเฝ้าระวังโรคตับในงานอาชีวอนามัยบ้านเรามานาน ที่นิยมทำการตรวจได้แก่ 
 
1.Alanine Aminotransferase, ALT หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Serum Glutamic-Pyruvic Transaminase, SGPT 
2.Aspartate Aminotransferase, AST หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Serum Oxalo-Acetic Transaminase, SGOT 
3.Alkaline Phosphatase, ALP 
4.Gamma Glutamyl Transpeptidase, GGT 
 
สำหรับการตรวจการทำงานของตับ (Test of Liver Function) ไม่ค่อยใช้ในการตรวจคัดกรองในงานอาชีวอนามัยนัก แต่บางสถานประกอบการอาจตรวจบางรายการ เช่น Serum Albumin, Prothombin Time,PT Serum Bilirubin 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEib_HrhTIKkhxIaBGwzw7ELBrg8KNOXpwkda5T3KKDYbl3GzMaqpnGbcmyFPCLr71CR9FOS_iwdzpl3SYjk7TqIE42LtHbnwmc9OttOqm5sRiswyzbKPlLNOX06SrRs8GFcAuLyT1sP53E/s1600/maxresdefault.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="720" data-original-width="1280" height="360" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEib_HrhTIKkhxIaBGwzw7ELBrg8KNOXpwkda5T3KKDYbl3GzMaqpnGbcmyFPCLr71CR9FOS_iwdzpl3SYjk7TqIE42LtHbnwmc9OttOqm5sRiswyzbKPlLNOX06SrRs8GFcAuLyT1sP53E/s640/maxresdefault.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
รายละเอียดของ LFTs </div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://www.youtube.com/watch?v=64duFJsSepI">https://www.youtube.com/watch?v=64duFJsSepI</a></div>
 
สถานประกอบการส่วนใหญ่นิยมตรวจ ALT หรือ SGPT ควบคู่ไปกับ AST หรือ SGOT หลายสถานประกอบการอาจตรวจ ALP ควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้บางแห่งอาจมีการตรวจ GGT และ Test of Liver Function ร่วมด้วย โดยหากพบความผิดปกติคือมีค่าสูงกว่าค่ามาตรฐานทางห้องปฏิบัติการควรพิจารณาดำเนินการต่อ 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnnfx3r43K_wYcbAot1LXyYXqxS5iYuMfXL5eIFuwZqEssirA6rgCNarhyAjqCeAUOo-B3ROCTM55PERj7NDHas32kox4Kckb0SLja0AhMqP4Y0COFQID58bUmsKJWuRajbX_cf6Z5iG4/s1600/LFTs.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="216" data-original-width="618" height="220" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgnnfx3r43K_wYcbAot1LXyYXqxS5iYuMfXL5eIFuwZqEssirA6rgCNarhyAjqCeAUOo-B3ROCTM55PERj7NDHas32kox4Kckb0SLja0AhMqP4Y0COFQID58bUmsKJWuRajbX_cf6Z5iG4/s640/LFTs.png" width="640" /></a></div>
 
หมอบีแนะนำให้แบ่งกลุ่ม LFTs สำหรับผลตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจตามปัจจัยเสี่ยงแต่ละรายการอย่างง่าย ดังนี้ครับ 
 
1.ปกติ คือไม่เกินค่ามาตรฐานทางห้องปฏิบัติการ 
 
2.สูงเล็กน้อย คือสูงกว่าค่ามาตรฐานแต่ไม่เกิน 2 เท่า ควรพบแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ หรือแพทย์ทั่วไปซักประวัติตรวจร่างกายหาความผิดปกติของโรคตับ หากพบความผิดปกติควรพิจารณาส่งพบอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารตรวจวินิจฉัยและรักษา และพิจารณาทบทวนการสัมผัสสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อตับในสถานที่ทำงาน 
 
3.สูงปานกลาง คือ>= 2 เท่าของค่ามาตรฐานแต่ไม่เกิน 5 เท่า ตรวจการทำงานของตับซ้ำภายใน 2-8 สัปดาห์ (2 สัปดาห์สำหรับ AST และ ALT, 4 สัปดาห์สำหรับ ALP, 8 สัปดาห์สำหรับ GGT ร่วมกับพบแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ หรือแพทย์ทั่วไปซักประวัติตรวจร่างกายหาความผิดปกติของโรคตับ หากพบความผิดปกติ หรือผลตรวจการทำงานของตับซ้ำผิดปกติควรพิจารณาส่งพบอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารตรวจวินิจฉัยและรักษา และพิจารณาทบทวนการสัมผัสสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อตับในสถานที่ทำงาน 
 
4.สูงมาก คือ>= 5 เท่าของค่ามาตรฐาน ส่งพบอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที และพิจารณาทบทวนการสัมผัสสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อตับในสถานที่ทำงาน 
 
ทั้งนี้ผลตรวจ LFTs แต่ละรายการจะแสดงถึงโรคตับต่างชนิดกัน ได้แก่ โรคตับอักเสบ โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ โรคตับแข็ง ซึ่งแพทย์จะมีแนวทางการตรวจเพิ่มเติมวินิจฉัยโรคต่อไปครับ 
 
ในเบื้องต้นอาจแบ่งโรคตับออกเป็นสามกลุ่ม โดยอาศัยค่าสัดส่วนของ ALT หารด้วยค่าสัดส่วนของ ALP เพื่อพิจารณาว่าเป็นโรคตับกลุ่ม Parenchymatous Disease หรือกลุ่ม Cholestatic Liver Disease หรือกลุ่มผสม Mixed ซึ่งมีแนวทางการตรวจวินิจฉัยแยกโรคที่แตกต่างกัน 
 
หมอบีแนะนำว่า 
 
<h2 style="text-align: center;">
การตรวจ LFTs นั้นควรมีความชัดเจนว่าตรวจตามปัจจัยเสี่ยง หรือตรวจประจำปีเพื่อเป็นสวัสดิการให้พนักงาน</h2>
 
1.กรณีตรวจตามปัจจัยเสี่ยง ตามกฎหมายต้องสรุปว่าที่ผิดปกตินั้นเกิดจากการทำงานหรือไม่ ควรส่งพบแพทย์เฉพาะทางวินิจฉัยรักษา และประเมินว่ามีผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ 
 
2.กรณีตรวจประจำปีเพื่อเป็นสวัสดิการ เมื่อผิดปกติควรส่งพบแพทย์เฉพาะทางวินิจฉัยรักษา และประเมินว่ามีผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ 
 
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บ่อยครั้งที่หมอบีพบว่า พนักงานบางรายอาจมีค่า LFTs สูงเรื้อรัง โดยเมื่อเทียบกับผลตรวจย้อนหลัง หลายๆปีพบว่ามีค่าที่สูงตลอดเวลา ไม่มีอาการและอาการแสดงของโรคตับจากการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์ กรณีนี้หากเคยพบแพทย์เฉพาะทางแล้วตรวจไม่พบโรค อาจไม่ต้องส่งพบแพทย์เฉพาะทางทุกปีแต่ให้เฝ้าระวังอาการโรคตับ และปฏิบัติตัวตามที่แพทย์เฉพาะทางแนะนำกก็เพียงพอครับ

ตรวจสุขภาพพนักงาน, โรคจากการทำงาน

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 2 การทำงานของตับ

สวัสดีครับ จากครั้งก่อน หมอบี แนะนำเกี่ยวกับ การตรวจการทำงานของไตจากการตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง วันนี้หมอบีจะมาชวนคุยต่อเกี่ยวกับอีกพารามิ...

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 1 การทำงานของไต

สวัสดีครับ วันนี้หมอบีจะมาแนะนำรายการตรวจสุขภาพประจำปียอดนิยมที่เชื่อว่าเกือบทุกคนจะเคยตรวจรายการนี้มาแล้ว ได้แก่การตรวจการทำงานของไตครับ 
 
การทำงานของไต สามารถตรวจได้จากเลือดโดยดูจากค่าครีอะตีนีน Creatinine (Cr) และค่ายูเรียไนโตรเจน Blood Urea Nitrogen (BUN) โดยจะมีค่าปกติของทางห้องแลปแนบมาให้ 
 
ค่าครีอะตีนีน เกิดจากการใช้พลังงานของกล้ามเนื้อ ร่างกายผลิตอยู่ตลอดเวลาและขับออกทางไต หากไตมีปัญหาไม่สามารถขับออกได้จะทำให้เกิดการคั่งของสารครีอะตีนีนขึ้นในเลือดได้ครับ เนื่องจากในผู้ชายมีกล้ามเนื้อมากกว่าจึงมีการสร้างครีอะตีนีนมากกว่าผู้หญิง และมีค่ามาตรฐานที่สูงกว่าครับ 
 
สำหรับค่ายูเรียไนโตรเจนเกิดจากการย่อยสลายสารโปรตีนที่ตับเกิดเป็นสารแอมโมเนีย และเปลี่ยนจากแอมโมเนียเป็นยูเรีย เพื่อทำการขับออกที่ไตต่อไป ทั้งนี้ยูเรียเป็นของเสียที่ร่างกายสร้างขึ้นมาและในยูเรียมีส่วนประกอบของไนโตรเจนครับ ในผู้ป่วยโรคไตที่มีปัญหาการขับของเสียออกทางไตจะมีการคั่งของยูเรียไนโตรเจนนี้ในเลือดทำให้อวัยวะต่างๆทำงานผิดปกติ บางครั้งอาจหมดสติหรือเสียชีวิตได้ 
 
โดยทั่วไปค่าครีอะตีนีนจะมีค่าไม่เกิน 1-1.2 และค่ายูเรียมีค่าไม่เกิน 20 ทั้งนี้ห้องปฏิบัติการแต่ละแห่งอาจมีค่ามาตรฐานของแลปแตกต่างกันได้เล็กน้อย เมื่อทำการตรวจที่ไหนจึงควรเทียบกับค่ามาตรฐานของที่นั้นเป็นสำคัญครับ 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKRh7hFBbKMJY1Dn7yvR-7KsvRXArh9mWx4nEivdnR9g2G6FVUhRIxwgCNV3dW9gqKKtTRigtasbaW1u-5NtNcqRd8NJEg_xCn_uqGzopN4MPP5a-G1GnMYxIzEntpgto68XHfJOfrLrM/s1600/two-kidneys-connected-to-arterys.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="676" data-original-width="1000" height="432" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKRh7hFBbKMJY1Dn7yvR-7KsvRXArh9mWx4nEivdnR9g2G6FVUhRIxwgCNV3dW9gqKKtTRigtasbaW1u-5NtNcqRd8NJEg_xCn_uqGzopN4MPP5a-G1GnMYxIzEntpgto68XHfJOfrLrM/s640/two-kidneys-connected-to-arterys.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
ภาพไตสองข้างจาก <a href="https://www.wisegeek.com/what-is-nephrotoxicity.htm">https://www.wisegeek.com/what-is-nephrotoxicity.htm</a></div>
 
หากตรวจและพิจารณาค่าการทำงานของไตจากค่าครีอะตีนีนและค่ายูเรียไนโตรเจนเป็นสำคัญบ่อยครั้งจะพบผู้ที่คัดกรองมีความผิดปกติค่อนข้างช้า คือการทำงานของไตลดลงมากแล้วค่อยพบความผิดปกติของค่าดังกล่าว สำหรับการเฝ้าระวังโรคไตที่มีประสิทธิภาพอีกตัวหนึ่งที่ควรพูดถึงคือ Estimated Glomerular Filtration Rate (eGFR) ซึ่งได้จากการคำนวณ และ Creatinine Clearance (CrCl)  
 
eGFR คือค่าอัตราการกรองของไตที่ได้จากการคำนวณค่าครีอะตีนีนด้วยสมการสามารถบอกประสิทธิภาพการทำงานของไตได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ตรวจพบผู้ป่วยโรคไตในระยะแรกเริ่มได้ สมการประกอบด้วยค่าครีอะตีนีน อายุ เพศ สัญชาติ และน้ำหนัก 
 
สมการMDRD คำนวณ eGFR (ml/min/1.73 m2) = 186 x (Scr : mg/dl)-1.154 x (age)-0.203 x (0.742 if female) x (1.210 if African American) 
 
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยแนะนำให้แบ่งระยะของโรคไตเป็นห้าระดับดังนี้ 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjL6YD-Hvoj-3Eq-0TWb3Iy3leiZPtgqKyo6VIlpclJrEGDwR24eW9rWM0X2DZ9pSwzsEaaNnlF6xlv9p7bIE2UE1c9DsAfPi9AoNUlejAVQQWJcpTWcrJFHHQ291xDJBf_dTNzAI1FtuM/s1600/Untitled.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="438" data-original-width="798" height="350" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjL6YD-Hvoj-3Eq-0TWb3Iy3leiZPtgqKyo6VIlpclJrEGDwR24eW9rWM0X2DZ9pSwzsEaaNnlF6xlv9p7bIE2UE1c9DsAfPi9AoNUlejAVQQWJcpTWcrJFHHQ291xDJBf_dTNzAI1FtuM/s640/Untitled.png" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
ภาพระยะของโรคไตจาก <a href="http://www.nephrothai.org/images/10-11-2016/Final_%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%AD_CKD_2015.pdf">http://www.nephrothai.org/images/10-11-2016/Final_%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%AD_CKD_2015.pdf</a></div>
 
สำหรับการตรวจสุขภาพประจำปีและการตรวจตามปัจจัยเสี่ยงในการทำงาน หมอบีแนะนำว่าควรแบ่งการทำงานของไตออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ 
 
1.การทำงานของไตปกติ eGFR >= 90 
 
2.การทำงานของไตลดลงเล็กน้อย eGFR 60-89 
ควรให้แพทย์อาชีวเวชศาสตร์หรือแพทย์ทั่วไปซักประวัติและตรวจร่างกายหาอาการและอาการแสดงของโรคไต หากพบความผิดปกติควรส่งพบแพทย์อายุรกรรมโรคไต และค้นหาสาเหตุของโรคไตที่อาจเกิดจากการทำงาน เช่นการสัมผัสสารเคมีต่างๆ 
 
3.การทำงานของไตลดลงปานกลางถึงมาก eGFR <60 
ควรส่งพบแพทย์อายุรกรรมโรคไต ตรวจติดตามอาการและรับการรักษาทันที และค้นหาสาเหตุของโรคไตที่อาจเกิดจากการทำงาน เช่นการสัมผัสสารเคมีต่างๆ 
 
สารเคมีที่อาจเป็นพิษต่อไต ได้แก่ ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม โทลูอีน ซิลิก้า โครเมียม พาราควอท และคลอโรฟอร์ม เป็นต้น 
อ่านรายละเอียดโรคไตจากการทำงานสัมผัสสารเคมีเพิ่มเติมได้ที่ <a href="https://www.haz-map.com/renal.htm">https://www.haz-map.com/renal.htm</a> 
 
CrCl เป็นอัตราการขับครีอะตีนีนออกทางไต สามารถหาได้จากการเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง วึ่งค่อนข้างยุ่งยาก แต่สามารถคำนวณได้จากสมการเช่นเดียวกับ eGFR และใช้แทนกันได้ แพทย์หลายท่านนิยมสมการนี้เพราะคำนวณง่ายกว่าแต่ความแม่นยำน้อยกว่าสมการ eGFR เล็กน้อย และมักคำนวณได้ค่าที่สูงกว่า eGFR จริงประมาณ 10-20% 
 
สมการ Cockcroft-Gault คำนวณ Creatinine Clearance (ml/min) = (140 – age) x (Wt in kg) x (0.85 if female) / (72 x Scr : mg/dl) 
 
โดยสรุปหมอบีแนะนำว่าควรเฝ้าระวังโรคไตจากการตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจตามปัจจัยเสี่ยงด้วยการตรวจครีอะตีนีนและคำนวณหาค่า eGFR ซึ่งทางสถานประกอบการสามารถระบุในสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างให้ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพคำนวณสมการ MDRD หาค่านี้ให้พนักงานทุกราย และแบ่งกลุ่มตามที่แนะนำเพื่อการดำเนินการกับผลตรวจสุขภาพที่ผิดปกติต่อไปได้เลยครับ

ตรวจสุขภาพพนักงาน, โรคจากการทำงาน

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 1 การทำงานของไต

สวัสดีครับ วันนี้ หมอบี จะมาแนะนำรายการตรวจสุขภาพประจำปียอดนิยมที่เชื่อว่าเกือบทุกคนจะเคยตรวจรายการนี้มาแล้ว ได้แก่ การตรวจการทำงานของไต ครั...

STEL Ceiling and Peak ขีดจำกัดความเข้มข้นสารเคมีอันตรายในกฎหมายใหม่

วันนี้หมอบีจะมาแนะนำเกี่ยวกับค่ามาตรฐานการสัมผัสสารเคมีที่ประกาศมาเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านวิพากย์วิจารณ์กันอย่างเข้มข้น บ้างก็ว่า ลอกตารางจากต่างประเทศมาไม่ครบ บ้างก็ว่าลอกมาผิดเนื้อหาสลับคอลัมน์ บ้างก็ว่า ค่า STEL ต้องไม่สูงกว่าค่า Ceiling นะ ใครผิดหรือถูกอย่างไร เราก็มาลองช่วยกันพิจารณาดูกันครับ 
 
ก่อนจะไปในรายละเอียด อยากให้เข้าใจก่อนว่าแพทย์อาชีวเวชศาสตร์เกี่ยวข้องอย่างไรกับการใช้ค่ามาตรฐานนี้ แน่นอนครับว่าการกำหนดให้การสัมผัสสารเคมีในระหว่างการทำงานไม่เกินเท่านั้นเท่านี้เนื่องจากต้องการให้พนักงานเกิดความปลอดภัย ถ้าค่าการสัมผัสไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานและพนักงานสุขภาพแข็งแรงนั่นคือดีที่สุดแล้ว 
 
แต่เมื่อพนักงานเกิดอาการผิดปกติขึ้นในระหว่างการทำงานกับสารเคมีแล้ว อาจไม่ถึงกับต้องเป็นโรคแต่หากเพียง ค่าการทำงานของตับหรือไตขึ้นสูงกว่าปกติ ผลการตรวจสมรรถภาพปอดลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หรือมีภาวะสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปอื่น ย่อมต้องพิจารณาว่าเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานหรือไม่ หากระบุได้ว่าเกิดเนื่องจากการสัมผัสสารเคมีในระหว่างการทำงานก็จะนำไปสู่กระบวนการทบทวนและควบคุมความเสี่ยงต่อไป  
 
ทั้งนี้ผลการตรวจสมรรถภาพปอดที่จะนำมาเทียบกันได้นั้นต้องตรวจอย่างมีมาตรฐานนะครับ แนะนำให้อ่านจาก <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/12/spirometry-3-time.html">การเป่าปอดสามครั้งอย่างมีคุณภาพ</a> นะครับ 
 
<div style="text-align: center;">
ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้นและไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากนั่นเองครับ</div>
 
การดำเนินการในลักษณะนี้จึงจะเรียกว่าการเฝ้าระวังโรคจากการทำงานครับ ซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์ผลการตรวจสุขภาพเพื่อนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ อ่านรายละเอียดได้ใน <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_22.html">วิเคราะห์และแปลผลตรวจสุขภาพ</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_21.html">เลือกโครงการสุขภาพให้พนักงาน</a> ครับ 
 
ทั้งนี้การจะระบุว่าอาการผิดปกติครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการสัมผัสสารเคมีในระหว่างการทำงาน จะต้องพิจารณาผลการตรวจวัดสารเคมีในสภาพแวดล้อมการทำงาน เพื่อประเมินระดับการสัมผัสสารเคมีที่สงสัยว่าทำให้เกิดโรค ดังนั้นแพทย์อาชีวเวชศาสตร์จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับค่ามาตรฐานและการแปลผลการตรวจวัดสารเคมีในสภาพแวดล้อมการทำงานพอสมควรแต่คงไม่ถึงขนาดลงมือตรวจวัดเองได้อย่างเชี่ยวชาญเหมือนนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมนะครับ เราทำงานร่วมกันแบบสหสาขาวิชาชีพ 
 
เริ่มจากการประกาศค่ามาตรฐานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานที่เป็นจำเลยสังคมในปัจจุบันกันก่อนละกันครับ 
 
<a href="http://www.oshthai.org/images/PDF/2017/11/917-1.pdf">ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐</a> 
 
 
<div style="text-align: left;">
ประเด็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ขีดจํากัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายสําหรับการสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆ คอลัมน์ที่สองจากทางขวามือนั่นละครับ เป็นคำถามจากหลายๆท่านว่า ทำไมจึงมีค่าอะไรบางอย่างกำหนดเพิ่มทั้งที่มี Ceiling (ค่าขีดจํากัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายสูงสุดไม่ว่าเวลาใดๆในระหว่างทํางาน) อยู่ในคอลัมน์ขวาสุดแล้วแถมยังมีค่าสูงกว่าค่า Ceiling ด้วยนะเธอ แถมให้ทำงานได้ 15 นาทีบ้าง 30 นาทีบ้าง จน หลายคนอาจเข้าใจไปว่ามันคือค่า STEL ทำให้เกิดประเด็นร้อนว่า ค่าเฉลี่ย STEL ต้องไม่สูงกว่าค่า Ceiling นะคร้าบ 
 
ว่าแต่เคยสงสัยมั้ยครับว่า ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ACGIH เคยกำหนดให้ 
 
<div style="text-align: center;">
สารเคมีชนิดใดบ้างที่มีทั้งสองค่า คือค่า STEL และ Ceiling พร้อมๆกัน?</div>
</div>
<div style="text-align: left;">
<div style="text-align: center;">
 </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkrnHOwuZjpiyTYGRU41N_wi7ytGIZZjcOU_enQHcT4zz9cGgp-ppgVcEBZ1EOLl3fjWcH4K1mpjo7017ngSpN8OVVVnOv0oIx12RjCy-OUEWiNcX_FmP2HdbgwEACalpuC6eRneEt6y4/s1600/STEL.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="570" data-original-width="793" height="460" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkrnHOwuZjpiyTYGRU41N_wi7ytGIZZjcOU_enQHcT4zz9cGgp-ppgVcEBZ1EOLl3fjWcH4K1mpjo7017ngSpN8OVVVnOv0oIx12RjCy-OUEWiNcX_FmP2HdbgwEACalpuC6eRneEt6y4/s640/STEL.png" width="640" /></a></div>
 </div>
<div style="text-align: left;">
หลายท่านอาจมองว่า นี่ละคือค่า STEL (จริงหรือ) แต่ว่านะครับคำถามต่อมาคือ ACGIH กำหนดค่า STEL ของสารอะคริโลไนไตรล์ไว้เท่าไหร่? ลองไปค้นเอกสารอ่านดูนะครับ ซึ่งจะเห็นว่า หากสารเคมีชนิดใดไม่ได้กำหนดค่า STEL ไว้จะแนะนำให้ใช้ค่า Excursion limits แทน  นอกจากนี้หากมองในอีกมุมหนึ่งย้อนกลับมาจะพบว่า 
 
<div style="text-align: center;">
ทำไมสารเคมีหลายชนิดจึงไม่มีค่านี้กำหนดในคอลัมน์ทั้งที่มีค่า STEL จาก ACGIH ให้คัดลอกได้?</div>
</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
ต่อมาทางผู้ออกกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงว่า</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
<div style="text-align: center;">
<a href="http://www.oshthai.org/index.php?option=com_content&view=article&id=917:-m-m-s&catid=1:news-thai">ค่ามาตรฐานที่กำหนดนี้ส่วนใหญ่อ้างอิงมาจากค่ามาตรฐานของ OSHA มิใช่ ACGIH แต่ประการใด </a></div>
</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
ถึงจุดนี้หลายท่านก็จะถึงบางอ้อ และกลับไปนั่งอ่าน <a href="https://www.osha.gov/pls/oshaweb/owadisp.show_document?p_id=9993&p_table=STANDARDS">OSHA 1910.1000 Table Z-2</a> แม้ว่าจะยังคงความสงสัยของค่ามาตรฐานที่แตกต่างของสารเคมีบางตัว แต่ก็เมื่ออ่านรายละเอียดในคำอธิบายของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานก็พอเข้าใจเจตนารมย์ของกฎหมายได้ดีขึ้น (เฉพาะสำหรับสารเคมีที่มีตัวเลขครบทั้งสามคอลัมน์ทางขวาและอยู่ในตาราง Z-2 นะครับ) 
 
แถมอ่านให้ละเอียดจะพบว่าคำอธิบาย/ชี้แจงของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจะคล้ายกับ <a href="https://www.osha.gov/pls/oshaweb/owadisp.show_document?p_table=STANDARDS&p_id=9991">OSHA 1910.1000(b)(3)</a> อย่างมากกกก (เสียงสูง) 
 
ภาพรวมคือเป็นค่าระดับการสัมผัสสูงสุด (Peak) ที่ผ่อนผันให้ ยอมรับให้สัมผัสได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แม้จะเกินกว่าค่า Ceiling ในคอลัมน์ขวาสุดแล้วก็ตาม มิใช่ค่าเฉลี่ย STEL แต่ประการใด</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
ทีนี้คำถามต่อมาก็คือ 
 
<div style="text-align: center;">
แล้วค่าที่ไม่มีใน Z-2 อย่างสาร Acrylonitrile ล่ะ มันคือ STEL หรือเปล่า? </div>
 
ทำไมจึงรวมเอาค่ามาตรฐานสองอย่างมาอยู่ในตารางเดียวกัน (ค่ามาตรฐาน STEL ของ ACGIH และค่ามาตรฐานของ OSHA)?</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
หากค้นข้อมูลเพิ่มเติมจาก OSHA 1910.1045(c)(1)(ii) จะอธิบายส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับตารางนี้ไว้ว่า</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
Ceiling limit. The employer shall assure that no employee is exposed to an airborne concentration of acrylonitrile in excess of ten (10) ppm as averaged over any fifteen (15)-minute period during the work day. 
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
จากค่าเฉลี่ย STEL ขอย้ำว่า ค่าเฉลี่ย โดยนิยามนั้นคือ 15 minute TWA แสดงว่าความเข้มข้นสารเคมีในบางเวลาอาจมีพีคเกินค่า STEL ได้บ้างถ้าเฉลี่ยระหว่าง 15 นาทีแล้วมันไม่เกินก็ยังโอเค ในขณะที่ถ้าเป็นค่า Ceiling (คอลัมน์ขวาสุดในกฎหมาย) แล้ววัดระดับสารเคมีแล้วเกินมาพีคเดียว เสี้ยววินาทีเดียว ก็ถือว่าเกิน ส่วนค่า Ceiling limit ของ Acrylonitrile ดังที่เห็นในคำอธิบายของ OSHA ว่าแม้จะใช้คำว่า Ceiling แต่กลับมีระยะเวลาพ่วงเข้ามาด้วย แถมใช้คำว่า as averaged จนดูคล้ายๆกับ STEL มากกว่า (เฉพาะกรณีสารเคมีที่ไม่มีตัวเลขในคอลัมน์ขวาสุดในกฎหมาย และไม่อยู่ในตาราง Z-2 นะครับ)</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
<div style="text-align: center;">
ข้อแตกต่างของ Ceiling limit (OSHA) กับ STEL (ACGIH) คือ </div>
</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
ถ้าเป็นค่าเฉลี่ย STEL ยอมให้ทำงานที่ ค่าเฉลี่ยการสัมผัสสารเคมีไม่เกินเกณฑ์ ได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาที วันละตั้งสี่ครั้ง แต่ละครั้งต้องห่างกันอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง นับรวมแล้วก็วันละ 60 นาที แต่ค่า Ceiling limit ของ OSHA นี้จะแตกต่างออกไป  
 
 
<div style="text-align: center;">
ทั้งนี้ถ้าเป็นสารที่ไม่มี STEL ใน ACGIH จะใช้ค่า Excursion limits แทนนะครับ</div>
</div>
<div style="text-align: left;">
 </div>
<div style="text-align: left;">
เมื่อเข้าใจที่มาที่ไปแล้ว ไปต่ออีกนิดที่วิธีการเก็บตัวอย่าง เมื่อมีผู้ประสบเหตุจากสารเคมีมีอาการผิดปกติ และมีผลตรวจวัดระดับสารเคมีที่สัมผัสมาด้วย อย่างหนึ่งที่น่าพิจารณาคือเก็บตัวอย่างมาแบบไหน  
 
ถ้าเป็น 8 hour TWA คงแล้วแต่นักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมจะพิจารณาเก็บแบบใดแบบหนึ่งข้างล่างนี้ 
 
1.เก็บตัวอย่างเดียวตลอดระยะเวลาการทำงาน (Simple Sample for Full Period) 
2.เก็บหลายตัวอย่างตลอดระยะเวลาทำงาน (Consecutive Sample for Full Period) หรือเว้นเวลาพักนั่นเอง 
3.เก็บหลายตัวอย่างโดยแบ่งเวลาเก็บออกเป็นช่วง (Consecutive Sample for Partial Period) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ แต่ถ้าไม่สามารถแสดงได้ว่าเก็บถึง 70% ของระยะเวลาการทำงานความน่าเชื่อถือของผลการตรวจจะลดลง 
 
ถ้าเก็บตัวอย่างแบบบูรณาการ (Integrated Sample) ก็เหมาะสำหรับแปลผลด้วยค่า 15 minute TWA อย่าง STEL ซึ่งต้องเก็บอย่างน้อย 15 นาทีในช่วงเวลาที่ที่น่าจะมีการสัมผัสสารเคมีมากที่สุด 
 
แต่หากจะแปลผลด้วยค่าสูงสุด อย่าง Ceiling Max หรือ Peak ควรจะใช้การเก็บแบบทันที (Instantaneous Sample) หรือแบบใช้เวลาเก็บสั้นๆ (Grab Sample) โดยอาจใช้ เครื่องตรวจวัดสารเคมีแบบ Direct Reading 
 
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการตรวจวัดสภาพแวดล้อมการทำงานเพิ่มเติมได้ที่ 
<a href="https://www.safety-stou.com/UserFiles/File/54113%20unit%208.doc">1.หน่วยที่ 8  การเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างสารเคมี</a> 
<a href="http://www.3ndsafety.com/files/3814/2105/5803/industrial_hygiene.pdf">2.การตรวจวัดทางสุขศาสตร์อุตสาหกรรม</a> 
 
จะเห็นว่าที่มาของ ค่าขีดจํากัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายสําหรับการสัมผัสในระยะเวลาสั้นๆ ของกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน นอกจากจะมีที่มาจาก Acceptable maximum peak above the acceptable ceiling concentration for an 8-hr shift (ค่าสูงสุด) ในตาราง Z-2 ของ OSHA ซึ่งเป็นค่าสูงสุดแล้ว บางส่วนยังมีน่าจะมีที่มาจากค่า Ceiling limit เฉพาะสารเคมีของ OSHA ซึ่งเป็นค่า as averaged อีกด้วย ในช่องนี้กฎหมายก็ไม่เขียนให้ชัดเจนว่าเป็นค่าสูงสุด (Peak) หรือค่าเฉลี่ย (as averaged) เลยทำให้ยิ่งงงไปกันใหญ่ว่าจะเก็บตัวอย่างแบบไหน แปลผลแบบไหนดี 
 
หรือจะเป็น? 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWWFoAfvvieI_lBYm_0vA3HSQ3fVUsOwRwzUFr_sIT66HtU5qiGbvdn5lzJQbeHeR5diazwSp7t26EItWapGn1rxX6owaLo_pSDfIU5WqDbk4J4_iCGO9o2FhsVNgsMFcldnqU0Asfhi0/s1600/1724997-Harry-S-Truman-Quote-If-you-can-t-convince-them-confuse-them.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="900" data-original-width="1600" height="360" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWWFoAfvvieI_lBYm_0vA3HSQ3fVUsOwRwzUFr_sIT66HtU5qiGbvdn5lzJQbeHeR5diazwSp7t26EItWapGn1rxX6owaLo_pSDfIU5WqDbk4J4_iCGO9o2FhsVNgsMFcldnqU0Asfhi0/s640/1724997-Harry-S-Truman-Quote-If-you-can-t-convince-them-confuse-them.jpg" width="640" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
ภาพจาก https://quotefancy.com</div>
<div style="text-align: center;">
 </div>
ล้อเล่นนะครับเห็นอ่านมากันจนสุดทาง หรือกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจะต้องออกโรงชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง? 
 </div>
<div style="text-align: left;">
สำหรับหมอบี เมื่อมีค่าผลตรวจวัดสิ่งแวดล้อมมาค่าหนึ่งคงต้องพิจารณากันให้ดีว่าเก็บตัวอย่างมาแบบไหน ผลกระทบทางสุขภาพเป็นแบบเฉียบพลันหรือแบบเรื้อรัง ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ค่าอะไรแปลผล ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าความไวของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ คนเป็นโรคหอบหืด คนที่มีค่าการทำงานของตับหรือไตผิดปกติ ก็ยังมีโอกาสเกิดความผิดปกติจากสารเคมีได้ง่ายกว่าปกติแม้ว่าจะสัมผัสในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐานก็ตาม หรือพนักงานหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ก็เป็นอันตรายได้มากกว่าคนทั่วไปครับ 
 
เกี่ยวกับความไวต่อการสัมผัสสารเคมีของแต่ละคนไม่เท่ากันแนะนำให้อ่านเรื่อง <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/09/vulnerable.html">VULNERABLE เพราะสุขภาพแต่ละคนไม่เท่ากัน</a> และ <a href="http://www.doctor-bee.net/2015/06/blog-post_93.html">การดูแลพนักงานหญิงที่ตั้งครรภ์</a> เพิ่มเติมครับ 
 
สุดท้ายนี้อยากฝากถึงกองทุนเงินทดแทนสักคำว่า "กฎหมายก็ปรับแล้ว จะได้เวลาปรับค่ามาตรฐานสารเคมีในเกณฑ์ในการวินิจฉัยโรคจากการทำงาน และรายละเอียดการวินิจฉัยโรคจากการทำงานของประเทศไทยให้เกิดความชัดเจนและ UP TO DATE แล้วหรือยัง?" 
 
สำหรับวันนี้สวัสดีครับ</div>
<a href="https://www.blogger.com/null" name="1910.1045(c)(2)" style="background-color: white; font-family: "Helvetica Neue", Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 14px;"></a>

กิจกรรมของหมอบี, คุยสัพเพเหระ, โรคจากการทำงาน, Featured

STEL Ceiling and Peak ขีดจำกัดความเข้มข้นสารเคมีอันตรายในกฎหมายใหม่

วันนี้ หมอบี จะมาแนะนำเกี่ยวกับ ค่ามาตรฐานการสัมผัสสารเคมี ที่ประกาศมาเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านวิพากย์วิจารณ์กันอย่างเข้มข้...

Service Name

เกี่ยวกับ เรา

Service1

รู้จักกับ "Doctor Bee"

Service2

บริการของ "Doctor Bee"

Service3

ติดต่อ "Doctor Bee"

featured

Latest From Blog

HEALTH CHECK UP หน่วยบริการตรวจสุขภาพ ตาม พรบ.โรคจากการประกอบอาชีพ

ABNORMAL การเตรียมรับมือผลตรวจสุขภาพผิดปกติ

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 3 ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 2 การทำงานของตับ

พารามิเตอร์การตรวจสุขภาพน่ารู้ 1 การทำงานของไต

STEL Ceiling and Peak ขีดจำกัดความเข้มข้นสารเคมีอันตรายในกฎหมายใหม่

ติดตาม "หมอบี" ทาง Facebook

เมนูลิงค์

หมวดหมู่บทความ

บทความใหม่ล่าสุด

บทความยอดนิยม

Social Media

บทความที่ได้รับความนิยม